ทันทีที่ผมประกาศว่าจะลงมือเขียนถึงเรื่องนี้ ก็มีเสียงเปรยจากพรรคพวกเพื่อนฝูงตอบกลับมาทันทีว่า ถ้างั้นต่อแต่นี้ไป คุณเอ็ง (หมายถึงผมนะครับ) จงก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียว ห้ามยุ่งเกี่ยวกับการมีเซ็กส์
ผมนั้นไม่มีความสามารถทางพยากรณ์ทำนายทายอนาคต กะเก็งผลสลากกินแบ่งคราวใดก็ไม่เคยถูก แต่สำหรับผลลัพธ์ซึ่งอาจจะเกิดจากเรื่องที่กำลังเขียนถึงต่อไปนี้ ผมทายแม่นราวกับตาเห็นสามครั้งซ้อน
เรื่องนี้คาดเดาไม่ยากครับ เมื่อไรก็ตามที่หัวข้อถกสนทนามีคำว่า “เซ็กส์” เข้ามาเกี่ยวข้องแล้วล่ะก็ ค่อนข้างจะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่นำไปสู่การโต้แย้งถกเถียงได้ไม่ยาก ต่างจากการพูดว่า “ทำไมการอ่านหนังสือจึงดีกว่าการคุยโทรศัพท์มือถือในโรงหนัง” หรือ “ทำไมการอ่านหนังสือจึงดีกว่าดูโรงหนังในโทรศัพท์มือถือ” ซึ่งไม่ค่อยมีอะไรให้กังขาถกเถียงมากนัก
พูดเช่นนี้แปลได้ว่า “การอ่านหนังสือ” เป็นหัวข้อที่ปลอดภัยสะดวกปากแก่การพูดคุยมากกว่าเรื่อง “เซ็กส์” เยอะเลยนะครับ
ประการต่อมา การที่ระบุว่า “อ่านหนังสือดีกว่ามีเซ็กส์” ไม่ได้แปลว่า ผมต่อต้านรังเกียจเซ็กส์แต่อย่างไรนี่ครับ เหมือนผมบอกว่าชอบกินข้าวหน้าเป็ด มากกว่าข้าวมันไก่ ก็ไม่ได้แปลว่าผมจะต้องเลิกกินไก่ไปตลอดชีวิต
ดูเหมือนว่า เราสามารถระบุบอก ว่าอะไรดีกว่าอะไรได้ทุกเรื่องโดยปราศจากปัญหา ยกเว้นเรื่อง “เซ็กส์” ในทางตรงกันข้าม ถ้าผมบอกว่า “มีเซ็กส์ดีกว่าอ่านหนังสือ” เสียงตอบโต้ก็จะกลายเป็นว่า ผมหื่น บ้ากาม ขึ้นมาทันที
เห็นมั้ยครับว่า “เซ็กส์” เป็นเรื่องล่อแหลมอันตรายในการพูดคุยอยู่พอสมควร คุยเรื่องการอ่านหนังสือปลอดภัยและดีกว่าเป็นไหน ๆ
พ้นจากนี้แล้ว ผมก็ลองไล่เรียงหาเหตุผลดูว่า “ทำไมการอ่านหนังสือจึงดีกว่ามีเซ็กส์” ผลปรากฎออกมาดังนี้ครับ
การอ่านหนังสือบนรถเมล์ รถไฟฟ้า ในร้านอาหาร ริมทะเล สามารถกระทำได้เต็มที่ โดยไม่ต้องวิตกกังวลเกรงจะโดนติเตียนว่า ไม่รู้จักกาละเทศะ ประเจิดประเจ้อ บัดสีบัดเถลิง ลามกอนาจาร (อาจมีข้อยกเว้นอยู่บ้าง ในกรณีที่อ่านหนังสือเกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์ หรือหนังสือโป๊)
การแลกเปลี่ยนหนังสือกันอ่าน ไม่เป็นเรื่องเสื่อมเสียศีลธรรม
การพกหนังสือติดตัวคราวเดียวหลาย ๆ เล่ม ไม่เข้าข่าย “เจ้าชู้” หรือ “หลายใจ”
เด็กชอบอ่านหนังสือ ไม่โดนผู้ใหญ่ตักเตือนว่า “ชิงสุกก่อนห่าม” หรือ “ริอ่านในวัยเรียน”
การมีเซ็กส์ทั้งวันทั้งคืน อาจโดนมองว่าหมกมุ่นฝักใฝ่ในเพศรส แต่ถ้าอ่านหนังสือหามรุ่งหามค่ำ เขาเรียกกันว่า “ขยัน” และ “ใฝ่รู้”
โรคเอดส์หรือกามโรคไม่สามารถติดต่อแพร่เชื้อผ่านทางการอ่านหนังสือ
กรุงศรีอยุธยาไม่ได้เสียกรุงครั้งที่ 2 เพราะสาเหตุผู้ปกครองแผ่นดินหลงใหลการอ่านหนังสือ
เด็กอายุต่ำกว่า 18 สามารถเข้าร้านขายหนังสือโดยไม่ต้องมีการตรวจบัตรประชาชน และการอ่านหนังสือไม่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดการจัดระเบียบสังคม
การอ่านหนังสือมีอิสระทางด้านรสนิยมอย่างเต็มที่ ไม่เคยมีใครประสบปัญหาพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางการอ่าน
การมีหนังสือในครอบครองจำนวนมาก ไม่เคยประสบปัญหาหนังสือทะเลาะเบาะแว้งตบตีกันเอง
ไม่เคยมีใครได้รับความเจ็บปวด จากการเปิดหน้าหนังสือรุนแรงหนักมือเกินไปในขณะอ่าน
ถ้าคุณประกาศว่าไม่ชอบอ่านหนังสือ ไม่เคยอ่านหนังสือ คุณก็ยังคงดูเป็นปกติธรรมดาในสายตาคนทั่วไป และไม่โดนค่อนแคะนินทาว่า เสื่อมสมรรถภาพทางการอ่าน
ท่านชายสามารถลงมืออ่านหนังสือได้ทันที โดยไม่ต้องพึ่งพายาไวอะกร้า
คนรักชอบการอ่านหนังสือมาพบปะเสวนากัน ไม่ถือว่าเป็นปาร์ตี้มั่วสุม ไม่ต้องโดนตรวจปัสสาวะ
การอ่านหนังสือครั้งละแค่ 2-3 นาที ไม่ต้องกลัวโดนใครมาเย้ยหยันว่า “นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ”
นักกีฬาสามารถอ่านหนังสือในวันก่อนทำการแข่งขันได้ตามใจชอบ แต่ไม่ควรมีเซ็กส์ก่อนลงสนาม
เพื่อน ๆ สามารถต่อคิวยืมอ่านหนังสือของคุณได้ โดยไม่ถือว่าเป็นการข่มขืน
เราสามารถอ่านวรรณกรรมเยาวชน โดยไม่โดนยัดเยียดข้อหาพรากผู้เยาว์
การอ่านหนังสือไม่ทำให้เกิดเสียงดังรบกวนผู้อื่น ส่วนการมีเซ็กส์นั้นไม่แน่
มีงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติสำหรับคนรักชอบการอ่าน แต่ไม่เคยมีสัปดาห์เซ็กส์แห่งชาติ
การอ่านหนังสือสามารถทำได้ทุกวัน แม้กระทั่งวันนั้นของเดือน
การอ่านเป็นกิจกรรมที่ง่าย นิตยสารส่วนใหญ่ ไม่มีคอลัมน์ “ตอบปัญหาทางการอ่าน” แต่คอลัมน์ “ตอบปัญหาทางเพศ” นั้นมีเยอะ
การซื้อหนังสือมีราคาค่าใช้จ่ายถูกกว่าซื้อบริการทางเพศ
ดาราหรือคนดังอ่านหนังสือ ไม่ตกเป็นข่าวซุบซิบนินทาว่าประพฤติตนเสื่อมเสีย
การอ่านหนังสือไม่ก่อให้เกิดปัญหาประชากรล้นโลก
การอ่านหนังสือตามลำพัง ไม่ถูกเรียกว่าเป็นการ “สำเร็จความรู้ด้วยตนเอง”
คุณสามารถอ่านหนังสืออย่างเพลิดเพลินสนุกสนาน โดยไม่เกรงว่าจะโดนมือดีแอบถ่ายบันทึกภาพไว้ และนำออกเผยแพร่เป็นวีซีดีฉาวให้ต้องอับอายในภายหลัง
คุณสามารถคุยให้ใครต่อใครฟังได้อย่างไม่ต้องรู้สึกขัดเขินหรืออับอายว่า อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วสนุกสนาน ประทับใจมาก
เมื่อข้อเขียนชิ้นนี้ของผมปรากฎแต่สายตาของคุณ แปลว่าคุณกำลังอ่านหนังสืออยู่
ประการสุดท้าย ข้อเขียนชิ้นนี้เกิดขึ้นเพราะได้รับแรงบันดาลใจจากการอ่านหนังสือ ไม่ได้มีต้นตอที่มาจากการมีเซ็กส์
(เขียนและเผยแพร่ครั้งแรกในคอลัมน์ "มนุษย์ไร้สาระวีหนึ่ง" เว็บไซต์โอเพนออนไลน์)
วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น