วันนี้ขออนุญาต “ขายของ” กันอีกครั้ง
ผมเพิ่งมีพ็อคเก็ตบุครวมเล่มล่าสุดออกมาสด ๆ ร้อน ๆ ปนชื้น ตามสภาพอากาศประเทศแถบใกล้เส้นศูนย์สูตร ชื่อ “คุยคุ้ยเขี่ย” และกำลังวางขายในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ
งานชิ้นนี้ถ้าเปรียบเป็นเพลง ก็อาจกล่าวได้ว่า ไม่ใช่อัลบั้มเดี่ยว แต่เข้าข่ายจับคู่รวมกันเฉพาะกิจ เขียนร่วมกับคุณน้องเผ่าจ้าว กำลังใจดี เพื่อนผู้มีรสนิยมในการดูหนังฟังเพลงอ่านหนังสือ และมีทัศนคติอุปนิสัยกวนตีนคล้าย ๆ ผม
ชะรอยว่าชาติที่แล้ว คุณเผ่าจ้าวกับผม คงเคยทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขัน และอธิษฐานผิดพลาดทางเทคนิคอย่างใดอย่างหนึ่ง ชาตินี้เราทั้งสองจึงดันเกิดมาเป็นผู้ชาย และมีรสนิยมรักเพศตรงข้าม ก็เลยอดเป็นเนื้อคู่ตุนาหงัน (ว่าแต่ว่า ถ้าชาติหน้ามีจริง ก็ขอให้เป็นเหมือนชาตินี้ คือ ต่างคนต่างเร่ร่อนค้นหานางเอกในชีวิตจริงตามยถากรรม มันดีอยู่แล้วนะครับ อย่าไปเปลี่ยนอะไรให้สยองขวัญกว่านี้เลย)
ด้วยเหตุผลทางไสยศาสตร์ตามนี้ ผมกับคุณเผ่าจ้าวจึงคบหาสนิทสนมเรื่อยมา โดยต่างฝ่ายต่างงง ๆ กันอยู่ว่า ความสัมพันธ์ทางการทูตแน่นแฟ้นย่ำปึ้กตั้งแต่ตอนไหน
โชคดีอยู่อย่างที่คุณเผ่าจ้าวกับผมนั้น นาน ๆ ถึงได้เจอะเจอกันสักครั้ง ส่วนใหญ่จะสื่อสารกันแบบโฟนอินทางโทรศัพท์ โอกาสที่จะเกิดข่าวลือและโดนปาปารัซซีแอบถ่ายภาพสวีตหวิวสยิวทรวงมาเผยแพร่ จึงเป็นอันรอดไปได้อย่างหวุดหวิดฉิวเฉียด
“คุยคุ้ยเขี่ย” เกิดขึ้น เมื่อวันดีคืนดี ผมนึกครึ้มอีท่าไหนก็ไม่รู้ จึงออนไลน์ทาง msn ซึ่งเป็นกิจกรรมที่นานทีปีหน ผมจึงจะทำสักครั้ง (เปรียบเป็นสถานที่ msn ของผม ก็หญ้ารกรุงรัง ฝุ่นเขรอะ ว่างโล่งวังเวงเหมือนบ้านร้างนะครับ)
เหตุประจวบเหมาะก็คือ วันนั้น อีตาคุณน้องเผ่าจ้าวก็ดันออนไลน์มาชนกันโครมเบ้อเริ่ม เลยได้แลกเปลี่ยนสนทนาคุยกัน
คุยไปคุยมา ทั้งคุณเผ่าจ้าวและผมต่างรู้สึกว่า “สนุกดี” และน่าจะคุยกันให้เป็นกิจลักษณะมากกว่านี้ เรื่องจึงคลี่คลายมาเป็นว่า นับแต่นั้นเราทั้งสองก็ช่วยกันทำมาหากิน กลายเป็นข้อเขียนในคอลัมน์ “คุยคุ้ยเขี่ย” ในนิตยสาร DDT จนได้บทความจำนวนมากพอที่จะรวมเล่ม พร้อม ๆ กับที่หนังสือ DDT ปิดตัวลงพอดิบพอดี (ไม่คุณเผ่าจ้าวก็คงเป็นผมนี่แหละ ที่เข้าข่าย “อีแร้ง” หรือตัวนำโชคร้าย)
ลักษณะของคอลัมน์ก็ไม่มีอะไรแตกต่างจาก “ความน่าจะเป็นบนเส้นขนาน” รวมบทความโต้ตอบแลกเปลี่ยนเขียนจดหมายคุยกันระหว่างสองนักเขียนซีไรท์ คือ คุณปราบดา หยุ่นและคุณวินทร์ เลียววาริณ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจเบื้องต้นให้แก่ผมและคุณเผ่าจ้าว
หลังจาก “คุยคุ้ยเขี่ย” ได้ตีพิมพ์ลงใน DDT ไปสักพัก ผมกับคุณเผ่าจ้าวได้มีโอกาสคุยกัน เราต่างรู้สึกตรงกันว่า เขียนด้วยความผ่อนคลาย ไม่ค่อยรู้สึกว่า “เป็นงาน” เหมือนดังข้อเขียนอื่น ๆ ตามปกติ
เรื่องต่าง ๆ ที่คุณเผ่าจ้าวกับผมคุยกัน จึงค่อนข้าง “สด” คือ นึกอะไรขึ้นมาได้และเป็นหัวข้อที่อยากคุย ก็ว่ากันไปตามนั้น ตามความเข้าใจของแต่ละคน หรือสถานการณ์ห้อมล้อมทางสังคมขณะลงมือเขียน
ด้วยเหตุนี้ จึงมีหลายบทหลายตอน เราคุยกันในประเด็นล่อแหลมเฉียดคุกใกล้ตะรางอยู่สักหน่อย (คุณเผ่าจ้าวชอบกินอาหารมังสวิรัติ ส่วนผมชอบซัดข้าวต้มกุ๊ย อันนี้ระบุไว้เผื่อพลาดพลั้งดวงซวยขึ้นมา ญาติโยมจะได้ซื้อไปเยี่ยมได้ถูกต้องตรงตามรสนิยม)
ตอนที่คุณเผ่าจ้าวบอกผมว่า “เอาละนะ” จะรวมเล่ม “คุยคุ้ยเขี่ย” แล้วล่ะ สารภาพตามตรงว่า ผมเองก็ไม่ค่อยมั่นใจในคุณภาพมากนัก เพราะจุดเริ่มต้นและกรรมวิธีการเขียน ผิดแผกไปจากงานรวมเล่มอื่น ๆ ของผมที่เคยมีมา
มันเป็นงานที่เขียนขึ้นเพื่อสร้างความรู้สึกผ่อนคลายให้แก่ตัวผมเอง หลีกหนีความจำเจหลาย ๆ อย่างจากราชการประจำ ไม่ใช่บทความที่เขียนขึ้นด้วยจุดมุ่งหมาย “ตั้งใจปั้น” อย่างประณีตบรรจง
เปรียบเป็นการวาดรูป ก็เหมือนงานสเก็ตช์ลายเส้นฉับไว เห็นเป็นแค่เค้าโครงคร่าว ๆ ไม่ได้แรเงา ระบายสี แต่งเติมรายละเอียดจนสวยงามเหมือนจริง
ผมก็เลยหวั่น ๆ อยู่พอสมควร เนื่องจากบทความแต่ละชิ้นนั้น เมื่อเขียนเสร็จและส่งไปแล้ว ก็แทบไม่เคยนำมาอ่านทบทวนซ้ำเลย แต่คุณเผ่าจ้าวซึ่งได้อ่านทั้งหมดอย่างถี่ถ้วน ก็ยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า พออ่านรวม ๆ แล้ว “โอเคนะพี่”
จนกระทั่งผมได้มีโอกาสอ่านต้นฉบับทั้งหมดเพื่อตรวจปรู้ฟก่อนส่งโรงพิมพ์ ผมก็โล่งอก เพราะเห็นว่า คุณภาพโดยรวมอยู่ในขั้นน่าพึงพอใจ และดีกว่าที่ผมรู้สึกวิตกจริตล่วงหน้าไว้ก่อนเยอะทีเดียว
ฟาร์มวัวยังไม่ทันหาย ฟาร์มอายก็เข้ามาแทรก พอพ้นจากปัญหาประสาทรับประทานเรื่องคุณภาพของตัวงานไปแล้ว ก็มีเรื่องระทึกเร้าใจอันใหม่เกิดขึ้น นั่นคือ คุณน้องเผ่าจ้าวชวนผมไปงานสัปดาห์หนังสือ
ไม่ได้ชวนกันไปเดินเล่นละลายทรัพย์หรอกนะครับ แต่ชวนไปประจำการที่บูธ w 27 ของสำนักพิมพ์ระหว่างบรรทัด (ซึ่ง “คุยคุ้ยเขี่ย” นำไปฝากขายที่นี่) เพื่อพบปะมิตรรักแฟนเพลง
คุณเผ่าจ้าวบอกกับผมว่า ไม่กล้าใช้คำว่า ไปแจกลายเซ็น ซึ่งผมก็เห็นพ้องทุกประการ จึงตกลงกันว่า เราจะเจอกันเองตามประสานักเขียนสติไม่ค่อยเรียบร้อย (ซึ่งอยากเจอคนอ่านเหลือเกิน) ในวันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายน 2552 เวลาบ่ายสองโมง
เรื่องเกี่ยวกับการ “ขายของ” ก็มีเท่านี้แหละครับ พี่น้องเอ๊ย!!!
(เขียนเมื่อ 1 เมษายน 2552 เผยแพร่ครั้งแรกที่นี่)
2 ความคิดเห็น:
w07 พี่ ไม่ใช่ w27!!!!
......
แล้วเจอกันค่า ^^
พี่พรุ่งนี้จะมางานหนังสือมั้ยคะ
พี่แป๊ดฝากถาม.. อยากให้มาค่ะ
คิดถึงพี่หมีด้วย :)
แสดงความคิดเห็น