วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ซ่อนมีดไว้ข้างความในใจ โดย "นรา"


หลังจากประสบความสำเร็จท่วมท้นล้นหลามกับ The Twilight Samurai (2002) อีกสองปีถัดมาโยจิ ยามาดะก็ทำหนังเรื่อง The Hidden Blade ซึ่งมีเนื้อหา ฉากหลัง ยุคสมัยใกล้เคียงกัน รวมทั้งมีแหล่งที่มาเดียวกัน คือดัดแปลงจากเรื่องสั้นชุด The Bamboo Sword and Other Samurai Tales ของชูเฮอิ ฟูจิซาวะ นักเขียนนิยายอิงประวัติศาสตร์ที่โดดเด่นมากสุดคนหนึ่งของแวดวงวรรณกรรมญี่ปุ่น

The Hidden Blade จับความเหตุการณ์ในช่วงทศวรรษ 1860 ซึ่งเป็นยุคท้าย ๆ ที่ซามูไรมีบทบาทโดดเด่นและเป็นที่ยอมรับในสังคมถือศักดินา และกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากการปฏิรูปบ้านเมืองในสมัยจักรพรรดิเมอิจิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระแสความเจริญ ทันสมัย และอารยธรรมตะวันตก ที่ไหลบ่าเข้ามาอย่างรวดเร็วและรุนแรง

หนังบอกเล่า 3 เหตุการณ์เหลื่อมซ้อนคาบเกี่ยวกัน ส่วนที่เป็นแกนหลักก็คือ ความรักระหว่างซามูไรหนุ่มชื่อมุเนโซ คาตากิริกับหญิงสาวที่เป็นคนรับใช้ผู้ต่ำต้อยชื่อคิเอะ ซึ่งต่างฝ่ายต่างต้องปกปิดเก็บงำความในใจเอาไว้มาตลอดระยะเวลาหลายปี โดยไม่ยินยอมแสดงออก เนื่องจากมีอุปสรรคสำคัญคือ ฐานะชนชั้นอันแตกต่างห่างกันของทั้งสอง ซึ่งทำให้คู่หนุ่มสาวไม่สามารถแต่งงานกัน ขณะเดียวกันความผูกพันใกล้ชิดสนิทสนมของเขาและเธอ ก็ส่งผลให้ต้องตกเป็นเป้าซุบซิบนินทาของชาวบ้าน

ถัดมาคือ รายละเอียดเกี่ยวกับการฝึกฝนยุทธวิธีสู้รบแบบตะวันตก ทั้งการฝึกแถว จัดระเบียบแบบชาวอังกฤษ, การเปลี่ยนมาใช้อาวุธปืนแทนดาบ, และกระบวนวิธีสู้รบสมัยใหม่ (ท่ามกลางความคิดต่อต้านไม่เห็นด้วยจากบรรดาซามูไรผู้เฒ่า ซึ่งเห็นว่าวิธีสู้รบแบบชาวตะวันตก เป็นเรื่องป่าเถื่อนไร้อารยธรรม และทำลายเกียรติยศศักดิ์ศรีของซามูไร) ทั้งหมดนี้แทรกสลับอยู่ในหนังเป็นระยะ ไม่เกี่ยวข้องกับการเดินเรื่องโดยตรง แต่ค่อย ๆ บอกกล่าวแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงทีละน้อย เริ่มจากสภาพทุลักทุเลในตอนต้น การต่อต้านขัดขืนและความขัดแย้งระหว่างเหล่าซามูไรกับครูฝึก ไปจนถึงสุดท้ายบั้นปลาย ซึ่งเหล่าซามูไรทั้งหลายได้เปลี่ยนแปลงตนเองไปสู่การสู้รบแบบชาวตะวันตกเต็มตัว

เหตุการณ์สุดท้ายคือ รายละเอียดว่าด้วยเพื่อนร่วมสำนักดาบของพระเอก ที่เดินทางไปแสวงหาหนทางก้าวหน้าในเอโดะ แต่แล้วก็กลับไปวางแผนก่อการกบฎ จนโดนส่งตัวมาคุมขังเป็นนักโทษที่บ้านเกิด (ส่งผลให้พระเอกโดนผู้มีอำนาจเรียกไปสอบปากคำ เพื่อค้นหาผู้สมรู้ร่วมคิด)

เรื่องราวในส่วนนี้จบลงด้วยการที่นักโทษแหกคุกหลบหนีสำเร็จ จับชาวบ้านเป็นตัวประกัน มุเนโซได้รับคำสั่งให้ไปจัดการปราบโจร ต้องดวลเพลงดาบประลองฝีมือกับเพื่อนเก่าของตนเอง

หนังมีจังหวะลีลาการเล่าเรื่องและอารมณ์ใกล้เคียงกับ The Twilight Samurai ข้อแตกต่างเด่นชัดสุดคือ ประเด็นทางเนื้อหา ซึ่งเป็นแง่มุมคล้ายกัน แต่นำเสนอสลับขั้ว

แก่นเรื่องของ The Twilight Samurai นั้นอยู่ที่ว่า เซเบะซึ่งเป็นตัวเอก ตัดใจหันหลังละทิ้งทุกอย่างโดยเฉพาะความก้าวหน้าบนวิถีทางของซามูไร เขาเลือกที่ใช้ชีวิตธรรมดาสามัญ เพื่อจะได้มีเวลาดูแลลูกสาวสองคนและแม่ผู้แก่ชรา หลังจากที่ภรรยาเสียชีวิต ส่งผลให้โดนผู้คนเย้ยหยันหมิ่นแคลน สูญเสียเกียรติยศศักดิ์ศรี ทว่าสิ่งที่หนังสรุปแก่ผู้ชมก็คือ วิถีสมถะเรียบง่าย ปราศจากเปลือกห่อหุ้ม มีเพียงรักห้อมล้อมอันอบอุ่น อาจเป็นความสุขที่จริงแท้จีรังยั่งยืนยิ่งกว่า เหนือสิ่งอื่นใด การทำหน้าที่ของพ่อที่ดี ก็เป็นวีรกรรมยิ่งใหญ่มีเกียรติ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการแสวงหาชัยชนะจากการต่อสู้ในฐานะนักรบ

The Hidden Blade เสนอประเด็นคล้ายกันผ่านอีกมุมมองคือ กล่าวถึงบทบาทของซามูไรที่พยายามยืนหยัดถือคุณธรรม ท่ามกลางสภาพรอบข้างที่กำลังแปรเปลี่ยนและสั่นคลอนจารีตดั้งเดิมอย่างหนักหน่วง (สิ่งที่สะท้อนออกมาในหนังก็คือ ฐานะความเป็นอยู่ที่ถดถอยลง ผู้ที่จะดำเนินชีวิตด้วยความก้าวหน้ามั่นคง จำเป็นต้องคล้อยตามสถานการณ์ หรือ “เล่นการเมือง” ดังเช่นหัวหน้าซามูไร หรือไม่ก็หักโค่นด้วยกำลังเช่นเพื่อนซามูไรที่กลายเป็นกบฎ) ขณะเดียวกันก็มีบางสิ่งที่ยังไม่คล้อยตามความเปลี่ยนผันของโลกภายนอก นั่นคือ การถือมั่นแบ่งระดับชนชั้นอย่างเคร่งครัด และไม่ยินยอมอนุญาตให้ตัวบุคคลก้าวล่วงข้ามเส้นแบ่งไปคบหามีความสัมพันธ์กับคนในชนชั้นอื่นที่แตกต่าง

จุดใหญ่ใจความก็คือ มุเนโซ คาตากิริต้องเผชิญบททดสอบอันหนักหน่วง ด้านหนึ่งเพื่อธำรงศักดิ์ศรีของซามูไร อีกด้านหนึ่งก็ต้องรักษาระยะอันเหมาะสมต่อความรักต้องห้ามของตนเอง

ความสะเทือนใจนั้นอยู่ที่ว่า การเป็นซามูไรที่ดีตามอุดมคติ (ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยให้ทำเช่นนั้นได้โดยสะดวก) กับการซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกเบื้องลึกภายในและความรัก เป็นสองสิ่งที่ขัดแย้งตรงข้ามอยู่คนละขั้ว และเป้าหมายของตัวละครก็คือ ต้องทำหน้าที่ทั้งสองด้านให้บรรลุสำเร็จ

พูดอีกแบบคือ The Hidden Blade เป็นเรื่องของคนตัวเล็ก ๆ ที่พยายามแสวงหาหนทางไปสู่อุดมคติความดีงาม ในโลกซึ่งหลงเหลือที่ให้ยืนจำกัดเพียงน้อยนิด

ความเฉียบแหลมคมคายอีกประการหนึ่งก็คือ ชื่อเรื่องซึ่งหมายถึงอาวุธลับที่ซ่อนเร้นปกปิด และเป็นสิ่งที่มุโนโซ หลีกเลี่ยงไม่ยอมใช้มาโดยตลอด (เช่นเดียวกับที่เขาได้กล่าวไว้ว่า จะชักดาบออกมาเพียงเพื่อทำความสะอาดเท่านั้น วิถีแห่งการใช้ดาบฟาดฟันเอาชีวิตคู่ต่อสู้ เป็นสิ่งที่ซามูไรควรหลีกเลี่ยง และเป็นความกลัวอย่างหนึ่ง ไม่ใช่เพราะจิตใจขี้ขลาด แต่เนื่องด้วยซามูไรที่แท้นั้น แสวงหาสันติ ไม่นิยมความรุนแรง) พร้อม ๆ กันนั้นก็มีนัยยะโยงใยไปถึงความรักที่จำเป็นต้องหลบซ่อน ไม่อาจแสดงออกด้วยเช่นกัน

The Hidden Blade อาจเสียเปรียบอยู่บ้างตรงที่สร้างขึ้นทีหลัง และมีเนื้อเรื่องซาบซึ้งกินใจน้อยกว่า The Twilight Samurai

พ้นจากนี้แล้วก็ไม่มีคุณภาพในส่วนไหนเป็นรองด้อยกว่าเลย นี่คือหนังอีกเรื่องที่เรียบง่าย สวยงาม และลุ่มลึก
(เขียนและเผยแพร่ครั้งแรกในนิตยสาร Flicks)

ไม่มีความคิดเห็น: