วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ชกข้ามรุ่น โดย 'นรา'


ถ้าเปรียบการอ่านหนังสือเหมือนขึ้นเวทีชกมวย ผมมีโอกาสแบกน้ำหนักชกข้ามรุ่น ปะหมัดประลองฝีมือกับนิยายเรื่อง East of Eden ของจอห์น สไตน์เบ็คมาแล้วไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง

ผลการชกนั้น ทุกไฟต์ผมไม่เคยยืนต้านได้ครบยก เผชิญหน้ากันไม่ทันไร ผมก็โดนสอยร่วงหลับกลางอากาศ ถูกหามลงจากเวทีในสภาพบอบช้ำเละเทะ

พูดง่าย ๆ คือ ผมไม่เคยอ่านนิยายเรื่องนี้จนจบ และถอดใจยอมแพ้กลางคันอยู่เป็นประจำ ด้วยเหตุผลต่าง ๆ นานา แต่ที่บ่อยครั้งสุดคือ อ่านไม่ผ่านจุดบริเวณสำคัญ กระทั่งสมาธิแตกซ่าน ไม่เข้าใจ

แต่การอ่านมีเงื่อนไขดีกว่าต่อยมวยอยู่บ้าง ตรงที่เมื่อแพ้แล้ว ใช้เวลาพักฟื้นฝึกซ้อมเรียกความฟิตอีกไม่นาน ก็สามารถหวนย้อนกลับไปแก้มือได้อีก โดยไม่ถือว่า ที่เคยพ่ายแพ้มา เป็นการหมดสภาพหรือเสียมวย

และสามารถอ่านไปโดนน็อคไป โดยไม่เกิดผลร้ายข้างเคียงเหมือนอย่างนักมวยเกิดอาการเมาหมัด

ตลอดสิบปีที่ผ่านมา ว่างหรือสบโอกาสเหมาะคราวใด ผมก็มักจะขึ้นเวทีไปให้ลุงจอห์น สไตน์เบ็ค แกถลุงเล่นแบบมวยคนละชั้น กระดูกคนละเบอร์

ไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมนึกฮึกเหิมอย่างไรก็ไม่ทราบ จึงท้าชกกับ East of Eden อีกแบบไม่เจียมสังขาร ไม่ประมาณฝีมือ

ยกแรก ผมตีวนวงนอกแบบไม่ผลีผลาม ผู้เฒ่านักเขียนปล่อยหมัดแย็บเบา ๆ เป็นการรบกวน ด้วยการพรรณนาถึงทัศนียภาพของหุบเขาสลีนัส แวลลีย์ เนิบช้าใจเย็น

เป็นลีลาง่าย ๆ แต่ถี่ถ้วนรัดกุม เห็นภาพแจ่มชัด ตั้งแต่ต้นไม้ใบหญ้า พืชไร่ ผืนดิน และลมฟ้าอากาศ

ครบยกเซียนพนันออกราคา ให้สไตน์เบ็คเป็นต่อนิด ๆ แต่ผู้สันทัดกรณีเชื่อว่า แชมป์ยังออมฝีมือออมกำลัง เพื่อเลี้ยงคู่ต่อสู้ไว้ดูเล่น รอเชือดในยกถัด ๆ ไป

ยกที่สอง สไตน์เบ็คเริ่มรุกประชิด ออกหมัดขู่เป็นระยะ ๆ เขาสร้างตัวละครไซรัส ทรัสค์ พ่อจอมเฮี้ยบ กับลูกชายสองคนคือ แอดัมกับชาลส์

หมัดนี้ของยักษ์ใหญ่แห่งโลกวรรณกรรมวูบวาบน่ากลัว มันสาธยายถึงพื้นเพหนหลังของบรรดาตัวละครหลัก ๆ ความซับซ้อนในจิตใจ อันเป็นพื้นฐานไปสู่พฤติกรรมหนักหน่วงในบทต่อ ๆ มา

เขาทำให้ผมสับสนอยู่บ้าง เมื่อตัวละครเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับหุบเขาสลีนัส แวลลีย์ในบทแรก ๆ เลยสักนิด

ผมยังพอรับมือกับการจู่โจมต่าง ๆ เหล่านี้ได้ แต่ทันใดนั้นเองก็เจอหมัดตรงแย็บสวนแหวกการ์ดที่ตั้งไว้รัดกุมจนหน้าหงาย สไตน์เบ็คใช้วิธีตัดสลับไปเล่าแนะนำตัวละครอื่นคือ แซมมวล แฮมิลตัน ราวกับกำลังจะเขียนนิยายอีกเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันเลย

ระฆังตีหมดยก พี่เลี้ยงผมแนะนำแก้ทางมวยว่า อย่าหลงไปตามกับดักของคู่ชก ถึงตอนนี้ ราคาต่อรองไม่ได้เล่นพนันว่าใครจะแพ้ใครจะชนะแล้ว แต่เดิมพันกันว่า ผู้ท้าชิงอย่างผมจะยืนระยะรอดจากการถูกน็อคได้ถึงยกไหน

ยกที่สาม สไตน์เบ็คเริ่มเครื่องร้อน ปล่อยหมัดสาวหมัดออกมาเป็นชุด ๆ เขาร่ายมนต์สะกด ด้วยการเทียบเคียงเรื่องราวความสัมพันธ์ทั้งรักระคนเกลียดชัง ระหว่างสองพี่น้อง แอดัมกับชาลส์ เทียบเคียงกับนิทานจากคัมภีร์ไบเบิล ว่าด้วยเรื่องเคนกับอเบล (สองพี่น้องมอบของขวัญให้แก่พระผู้เป็นเจ้า ทรงโปรดปรานในสิ่งที่อเบลสรรหามามากกว่า ด้วยอารมณ์ริษยาน้อยใจ เคนจึงฆ่าน้องชายโดยอารมณ์ชั่ววูบ และถูกพระเจ้าสาปให้ต้องร่อนเร่โดดเดี่ยวตามลำพังชั่วชีวิต พร้อมทั้งเครื่องหมายติดตัว ให้เป็นเป้าแห่งการเกลียดชังของผู้พบเห็น นับแต่นั้นมา มนุษย์ก็มีบาปกำเนิดติดตัว)

ผมผ่านยกที่สามมาได้เพราะระฆังช่วย โหนกแก้มเริ่มบวมช้ำ ตาของซ้ายเริ่มปิด มองเห็นทุกอย่างพร่าเลือน

ผมเชื่อว่า สไตน์เบ็คตั้งใจพิชิตศึกให้เด็ดขาดในยกที่สี่ เขารัวหมัดถี่ยิบ สร้างอีกตัวละครหนึ่งคือ แคธีหญิงสาวผู้มีเปลือกนอกสวยบริสุทธิ์ไร้เดียงสา แต่จิตใจชั่วร้ายน่าสะพรึงกลัวอย่างไม่มีใดเปรียบ

ผมเคยเผชิญหน้ากับ ‘นังตัวร้าย’ ผ่านหนังและวรรณกรรมมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่เปรียบเทียบเคียงกัน ไม่เคยมีใครเลือดเย็นอำมหิตและเจ็บป่วยทางจิตเท่ากับแคธี

ยิ่งไปกว่านั้น สไตน์เบ็คยังทำให้สัตว์ประหลาดอย่างแคธี แลดูจริงและไม่แบน เต็มไปด้วยความซับซ้อนในใจ หนักแน่นน่าเชื่อถือ
และต่อยผมจนกระทั่ง ลงไปนอนกองให้กรรมการนับแปด เมื่อผู้อ่านรู้จักแง่มุมต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวละครนี้อย่างถี่ถ้วน แต่คงเป็นการบังอาจเหิมเกริมมากทีเดียว หากใครจะกล้าพูดว่า เข้าใจหรืออ่านออกว่า เนื้อแท้แล้วแคธีเป็นคนอย่างไร

พักยก พี่เลี้ยงเกลี้ยกล่อมให้ยอมแพ้ ผมหนื่อยและเจ็บเกินกว่าจะหลุดคำพูดใด ๆ ออกมา จึงได้แต่สั่นหน้าปฏิเสธ

ยกที่ห้า สถานการณ์ของผมนั้นยิ่งเลวร้ายและน่าสยดสยอง สไตน์เบ็คกระหน่ำผมไม่ยั้ง เหี้ยมเกรียม ดุดัน และปราศจากความปราณี เขาเล่าเรื่องการฆาตกรรม, การทรยศหักหลัง, พฤติกรรมต่ำช้าของแคธี, การแก้แค้นจากชายโฉดที่เล่นงานสาวสวยใจโหดตกอยู่ในอาการปางตาย แล้วผูกสถานการณ์ให้แคธีพบกับแอดัม หลอกให้เราเชื่อว่า สิ่งดีงามกำลังจะเกิด แต่แล้วกลับทิ้งท้ายชนิดช็อคความรู้สึกอย่างรุนแรง

แคธีเล่นบทตีสองหน้า ด้านหนึ่งเป็นหญิงสาวซื่อใสไร้เดียงสา อีกด้านหนึ่งเป็นบทนางมาร เธอหลับนอนกับชาลส์ผู้เป็นน้องชายของแอดัม (และเป็นไปได้ว่าทั้งคู่อาจมีลูกด้วยกัน) จากนั้นเมื่อตั้งท้องก็พยายามทำแท้งตัวเอง แต่ไม่สำเร็จ และคลอดลูกเป็นฝาแฝด โดยไร้สัญชาติญาณความรักของเพศแม่

สไตน์เบ็ค ทิ้งหมัดเด็ด แล้วเดินหันหลังเข้ามุม โดยไม่จำเป็นต้องดูสภาพของคู่ชกอย่างผม แคธีใช้ปืนยิงแอดัม และทิ้งลูกทิ้งครอบครัวไว้เบื้องหลัง มุ่งหน้าจากไปเป็นโสเภณีโดยเจตนา

ถึงตอนนี้ผมหูอื้อตาพร่า แทบไม่รู้ตัวว่ารอดพ้นมรสุมหมัดในยกที่แล้วมาได้ยังไง ผู้ชมจำนวนหนึ่งเริ่มตะโกนและบอกกล่าวต่อกันว่า นี่ไม่ใช่กีฬาชกมวยเสียแล้ว แต่เป็นการฆาตกรรมบนเวทีโดยแท้

แพทย์สนามขึ้นมาตรวจดูอาการของผม แล้วทำหน้าเคร่งเครียดกังวล ก่อนจะอนุญาตให้ชกต่อได้

ผมคิดว่า นาทีนั้น สายตาแข็งขันยืนยันว่าพร้อมสู้ คือ สิ่งเดียวที่ทำให้หมอใจอ่อน ยอมให้โอกาสสุดท้ายแก่ผม

ยกที่หก ท่าทีของสไตน์เบ็คเปลี่ยนเป็นตรงกันข้าม แทนที่จะบดขยี้ปิดเกม กลับทำตรงกันข้าม หลายครั้งหลายหน ผมคิดว่า ไม่ต้องโดนหมัดเต็ม ๆ หรอก แค่ลมที่เกิดจากการเงื้อเหวี่ยงออกหมัดวืดวาดเฉียดใกล้ ก็สามารถโค่นผมล้มลงได้ง่ายดาย

แต่แชมป์กลับใช้หมัดทั้งซ้ายทั้งขวา ทำทีเป็นต่อย ทว่าแท้จริงแล้วอุ้มประคองให้ผมทรงกายอยู่ได้ ลุงสไตน์เบ็ค เล่าถึงภาวะหดหู่หมดอาลัยตายอยากในการใช้ชีวิตของแอดัมส์ และการเกิดใหม่ทางจิตวิญญาณอีกครั้ง โดยวิธีกระตุ้นเร้าแปลก ๆ จากเทวดาในร่างของชาวไร่อารมณ์ดีชื่อแซมมวล (ซึ่งเบื้องต้นดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย)

ช่วงหนึ่งที่ผมโผเข้าคลุกวงใน ใช้สองแขนโอบรัดคู่ต่อสู้ไว้แน่น และถือโอกาสทิ้งน้ำหนักพิงร่าง ผ่อนเรี่ยวแรงอ่อนล้าที่ปลายเท้า ลุงสไตน์เบ็คแกกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูว่า “ใจเย็นไว้ ไอ้ลูกชาย เอ็งอย่าเพิ่งล้ม”

คำกระซิบนั้น เล่าผ่านเหตุการณ์ถกสนทนาระหว่างสามตัวละครสำคัญ ย้อนกลับไปยังนิทานเรื่องเคนกับอเบล ในคำสาปของพระเจ้า

คัมภีร์หลายฉบับแปลความคำพูดหนึ่งไว้ไม่ตรงกัน

ตำราหนึ่งระบุว่า “เจ้าจงเอาชนะบาป” อีกตำราแย้งว่า “เจ้าต้องเอาชนะบาป”

อย่างแรกนั้นเหมือนคำมั่นสัญญา คลับคล้ายว่า ไปเผชิญหน้ากับมันแล้วมนุษย์จะเป็นฝ่ายชนะ ความหมายหลังนั้นเหมือนการออกคำสั่ง ว่ามนุษย์นั้นมีภารกิจหน้าที่ต้องต่อสู้กับความชั่วร้าย

ลุงสไตน์เบ็คแกให้ตัวละครทุ่มเถียงว่า แท้จริงแล้วที่ถูกต้อง พระเจ้าตรัสไว้อย่างไร จนกระทั่งค้นพบอีกความหมายหนึ่งแปลไว้ว่า “เจ้าน่าจะเอาชนะบาป”

มันไม่ใช่ทั้งคำมั่นสัญญา และไม่ใช่ทั้งคำสั่ง แต่เป็น ‘ทางเลือก’

ตรงนี้แหละครับที่เป็นหัวใจของเรื่องราวทั้งหมดในอภิมหานิยาย East of Eden ซึ่งสะท้อนถึงความดีและความเลวที่มีอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคน และมนุษย์นั้นยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้ ผ่านยุคสมัยความผันผวนครั้งแล้วครั้งเล่า โดยไม่ถูกทำลายย่อยยับไปเสียก่อน ก็เพราะว่ามนุษย์นั้นมีทางเลือกว่า จะทำความดี (หรือไม่ทำ) เพื่อต่อสู้เอาชนะบาป แม้ว่าจะหนักหนาสาหัสยากเย็น แต่มนุษย์ก็มีสิทธิและทางเลือกนั้นอย่างเต็มเปี่ยม

ช่วงพักยก ร่างกายผมเหมือนได้รับการฟื้นฟู ถึงตรงนี้ผมมั่นใจแล้วว่าสามารถยืนได้ครบยก ลุงสไตน์เบ็คแกใจดีเกินกว่าจะน็อคผม
ยกที่เจ็ด แปด เก้า สิบ ลุงสไตน์เบ็คต่อยแบบชกโชว์ ด้วยท่าทีผ่อนคลาย บางขณะก็อวดลวดลายเย้าหยอก บางทีก็โชว์ฟุตเวิร์คพลิ้วไหวแบบมวยเหนือชั้น บางจังหวะก็บุกประชิดเข้ามาเพื่อเทศนาสั่งสอน พอเห็นผู้ชมเริ่มเบื่อเพราะเกมการชกคลายความดุดัน ก็สลับฉากด้วยการออกหมัดงาม ๆ อย่างจัง ๆ เรียกเสียงฮือฮา

เรื่องราวถัดจากนั้น มีทั้งความเศร้าที่งดงาม การตอกย้ำแนวคิดแก่นเรื่องอย่างหนักแน่น การผูกวางเค้าโครง คล้าย ๆ จะย่ำซ้ำรอยเดิม แต่แล้วก็คลี่คลายหาทางออกเบนไปอีกทางอย่างน่าทึ่ง

มีสำนวนภาษาเฉียบแหลมคมคาย มีอารมณ์ขันแบบช่างเหน็บแนมเสียดสี มีเรื่องหักเหลี่ยมหักหลังชิงไหวชิงพริบ มีเรื่องรักจับจิตจับใจแพรวพราวอยู่แทบทุกหน้ากระดาษ รวมทั้งตัวละครรุ่นลูกเปี่ยมเสน่ห์อย่างคู่ฝาแฝด แคลกับเอร็อน

รายแรกนั้นมีเสน่ห์ขโมยหัวใจผู้อ่านไปจนหมด ส่วนคนหลังมีเสน่ห์ดึงดูดตัวละครอื่น ๆ ในเรื่อง

ในยกที่สิบนั้นเอง ลุงสไตน์เบ็คก็แสดงความเป็นมืออาชีพ ซัดผมจนน่วมอย่างไม่ปราณี ด้วยหมัดชุดที่กระหน่ำมาอย่างไม่ยั้งและไม่นับจำนวน มันนำไปสู่บทสรุปที่เข้มข้น สะเทือนอารมณ์ และน่าตระหนกตกใจ

ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นบทส่งท้ายที่โดยเหตุการณ์แล้ว มืดหม่นหดหู่สิ้นหวัง

แต่แชมป์ก็ยังคงเป็นแชมป์ผู้ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน พร้อม ๆ กับที่บดขยี้ทำร้ายความรู้สึกของผู้อ่านแบบเหี้ยมเกรียม นิยายเรื่องนี้ก็ลงเอยด้วยแสงสว่างแห่งความหวัง

และพร้อม ๆ กับที่ผู้อ่านอาจต้องเสียน้ำตาสะเทือนใจ บรรทัดท้าย ๆ ก็หยิบยื่นถ้อยคำสั้น ๆ ที่ผันเปลี่ยนเป็นอารมณ์ปิติสุข เกิดรอยยิ้ม และสั่นคลอนความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอย่างรุนแรง

การชกสิ้นสุดลง ผมยืนครบยก และแพ้คะแนนขาดลอยหลุดลุ่ย บอบช้ำเจ็บหนักไปอีกนาน

แต่ผมก็คิดว่า ในการชกทั้งสิบยก ผ่านการโดนอัดด้วยหมัดแย็ป หมัดฮุค หมัออัปเปอร์คัท เข้าสู่ตำแหน่งต่าง ๆ ในร่างกาย ตลอดทั้ง 900 กว่าหน้ากระดาษนั้น ลุงสไตน์เบ็คไม่ได้ทำให้คู่ชกเจ็บตัวฟรี ๆ หรอกนะครับ

มีบทเรียนอันล้ำค่าและยิ่งใหญ่ ทั้งทัศนคติในการมองโลก แง่คิดคติธรรม และความงาม มากพอที่จะทำให้ผู้อ่านแข็งแรงและเติบโตผิดแผกจากเดิม

ผมไม่บังอาจกล้าใช้คำว่า เป็นนิยายที่อ่านแล้วเปลี่ยนชีวิตหรอกนะครับ

แต่ผมมั่นใจอย่างหนึ่งว่า ขึ้นเวทีชกครั้งต่อไป บทเรียนที่ได้รับจาก East of Eden จะช่วยให้ผมต่อยดีขึ้น และแพ้ยากกว่าที่ผ่าน ๆ มา

นี่เป็นหนึ่งในน้อยครั้งของชีวิต ที่ผมขึ้นเวทีชกผ่านการอ่าน แล้วแพ้ยับเยินแต่รู้สึกบรมสุขเหลือเกิน

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

จาก facebook สู่มือถือ ถลาไปยัน
คุณสันกาลาคีรี ไม่เคยเห็นใคร
ลำบากใจในการใช้ facebook เยี่ยงพี่จริงๆ

จาก chanpanakrit